Menu Close

ตามัว ภาพเบลอมองไม่ชัด

ตามัว ภาพเบลอ มองไม่ชัด

ตามัว ภาพเบลอมองไม่ชัด

ตามัว (Blurry Vision)

สายตามัว (Blurry Vision) คือ สภาวะดวงตาที่มีวิสัยทัศน์ในการดูสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ได้ไม่ชัดเจน มีอาการภาพเบลอทับซ้อน และการมองเห็นเป็นแบบเลือนลาง ทำให้การประสิทธิภาพของดวงตาพร่ามัว สูญเสียความคมชัดในช่วงของการโฟกัสชั่วขณะ โดยอาการตามัวเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ทั้งสายตามัวข้างเดียว หรือทั้งสองข้างได้เช่นกัน

ตามัว ส่งผลสภาวะการมองเห็นที่ผิดปกติได้ในระยะยาว หากไม่รีบรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น อาจส่งผลให้การทำงานของดวงตาอยู่ในสภาพเสื่อมโทรมและนำไปสู่โรคทางสายตาต่าง ๆ ที่มีผลข้างเคียงก่อให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นได้ในอนาคต ผู้ป่วยท่านไหนมีอาการตามัวดังกล่าว ควรทำการนัดพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาแนวทางในการบำรุงสายตาทันที

ตามัวเกิดจากสาเหตุใด ?

     โดยทั่วไป สายตาพร่ามัวเกิดจากโรคแทรกซ้อนภายในร่างกาย และปัจจัยสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่เกิดภาวะตามัวขึ้นจากพฤติกรรมการใช้ดวงตาของผู้ป่วยอีกด้วย จึงได้ทำการจำแนกประเภทสาเหตุสายตาพร่ามัวที่เห็นได้ชัดเป็น 3 ปัจจัยหลัก ที่นำไปสู่ความผิดปกติทางด้านสายตา ยกตัวอย่างเช่น

1. ตามัวจากปัญหาค่าสายตา

สายตาสั้น (Myopia) 

      ภาวะสายตาสั้น เป็นสภาวะผิดปกติทางสายตาทั่วไปที่ผู้ป่วยจะมองเห็นวัตถุในระยะไกลไม่ชัดเจน หากจดจ้องมากเกินไปอาจส่งผลกระทบให้กล้ามเนื้อตรงส่วนดวงตาอ่อนหล้าและลามไปถึงส่วนของศีรษะ เกิดการมองเห็นภาพเบลอ และส่งผลให้สายตาพร่ามัวในที่สุด สายตามัวในภาวะสายตาสั้นอาจเกิดขึ้นได้ทั้งสายตามัวข้างเดียวและทั้งสองข้างได้

สายตายาว (Hyperopia) 

      ภาวะสายตายาว ผู้ป่วยจะมองเห็นวัตถุในระยะใกลไม่ชัดเจน แต่สามารถโฟกัสวัตถุในระยะไกลได้คมชัด ส่งผลกระทบให้กล้ามเนื้ออ่อนหล้า และลามไปถึงการปวดศีรษะที่คล้ายคลึงกับภาวะสายตาสั้น

สายตาเอียง (Astigmatism)  

      ภาวะสายตาเอียง เกิดจากสภาวะของกระจกตามีรูปร่างที่ผิดปกติ จึงทำให้ตัวกระจกไม่สามารถรับรังสีแสงที่กระทบให้ถูกจุดโฟกัสนัยน์ตาได้ถูกจุด

สายตายาวตามวัย (Presbyopia) 

     ภาวะสายตาตามวัย เกิดขึ้นจากผู้สูงวัย ที่มีอาการสายตามัวในระยะการมองเห็นวัตถุในระยะใกล้ไม่คมชัด เนื่องจากเลนส์ภายในดวงตาแข็งตัวขึ้น จอตา และวุ้นในตาเสื่อม ปัจจัยเหล่านี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นอาการสายตายาวตามวัยผู้สูงอายุส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบไปตามธรรมชาติ

2. ตามัวจากโรคบางชนิด

โรคที่เกี่ยวกับทางดวงตา 

โรคต้อกระจก (Cataract) 

         ต้อกระจก เกิดจากภาวะสูงวัยที่สะสมพฤติกรรมจากการจดจ้องแสงสว่างอย่างแสงยูวี การติดเชื้อจากแบคทีเรีย หรือภาวะโปรตีนในตาได้ทำการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของสารเคมีในเลนส์ตาขุ่นมัว มีพังผืดเยื่อบุขาวบาง ๆ สะสมจนเป็นโรคต้อ ทำให้แสงเข้ามากระทบตรงส่วนเลนส์น้อยลง ผู้ป่วยจะมองเห็นภาพไม่ชัด ตามัว เบลอ และอาจเกิดภาพซ้อนขณะการใช้สายตา

โรคเยื่อบุตาอักเสบ (Conjunctivitis) 

         เกิดจากการติดเชื้อของไวรัส แบคทีเรีย หรือสารเคมีและธรรมชาติที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ ทำให้เมือกขาวในบริเวณเปลือกตาทำการหลั่งออกมา เพื่อทำการระบายสารก่ออักเสบภายดวงตาออกไป หรืออาจก่อให้เกิดตาแดง ตามัว ตาแฉะ ขี้ตาสีเหลือง และเยื่อบุในดวงตาอักเสบ

โรคเส้นประสาทตาอักเสบ (Optic Neuritis) 

         อาการตามัวสะสมเป็นระยะเวลานาน เกิดการเห็นภาพพร่ามับแบบฉับพลัน จุดโฟกัสไม่สามารถจดจ้องภาพตรงกลางในลานสายตาได้ กลอกตาแล้วเจ็บลูกเบ้าในดวงตา เป็นผลข้างเคียงที่ทำให้เส้นประสาทของตาส่งสัญญาณไปยังส่วนประสาททางสมองเสื่อมสภาพการทำงานลง โดยทั่วไปเส้นประสาทตาอักเสบเกิดขึ้นจากอาการตามัวข้างเดียว


โรคที่ไม่เกี่ยวกับตา 

โรคเบาหวาน (Diabetes) 

       ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน อาจเกิดโรคแทรกซ้อนที่ลามไปจนถึงบริเวณดวงตาได้ หรือเรียกว่า เบาหวานขึ้นตา(Diabetic Retinopathy) โดยผลข้างเคียงนี้เกิดจากภาวะระดับน้ำตาลในเลือดมีความดันสูงจนมากกว่าระดับปกติ ส่งผลให้จอตา(Ratina)บวมและจุดภาพชัด(Macula) ในเส้นขาดเลือด เกิดอาการตามัว มองไม่เห็นช่วงคราว หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้ตาบอดได้ในที่สุด

ไมเกรน (Migraine)

        เป็นอาการที่เกิดขึ้นจากภาวะหลอดเลือดแดงในส่วนของสมองคลายตัวอย่างฉับพลัน ทำให้ผู้ป่วยปวดศีรษะรุนแรง และลามไปถึงส่วนของบริเวณดวงตา โดยผลข้างเคียงของอาการที่เห็นได้ชัดคือ ตามัว มองเห็นแสงเป็นทอดและเห็นภาพเป็นระยิบระยับ
ไซนัส (Sinus) 

       ผลข้างเคียงของโรคภูมิแพ้ชนิดนี้อาจลามไปยังบริเวณดวงตา(Ethmoid sinus)ได้ เนื่องจากเนื้อเยื่อบุในดวงตาเกิดอาการระคายเคืองจนไปถึงขั้นอักเสบ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกปวดตา ตามัว ตาแดง และกลอกลูกตาได้ไม่เต็มที่ หากปล่อยอาการไซนัสไว้อาจทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการมองเห็นได้

3. ตามัวจากปัจจัยอื่นๆ

ตาแห้ง 

     ระบบการทำงานภายในดวงตาไม่สามารถผลิตน้ำในปริมาณที่มากพอไปหล่อเลี้ยงดวงตาให้เกิดความชุ่มชื้นได้ หรือเกิดจากภาวะพฤติกรรมของผู้ป่วยที่โฟกัสการใช้ดวงตามากเกินไป ยกตัวอย่างเช่น พฤติกรรมการเล่นโทรศัพท์มากตามัวเป็นชั่วครู่

การตั้งครรภ์ 

     ในระยะคุณแม่อยู่ในภาวะการตั้งครรภ์ มีผลข้างเคียงทำให้แหล่งสะสมน้ำในร่างกายมีมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการตามัว ตาบวมบริเวณรอบ ๆ บนดวงตา

ผลจากการทำเลสิค 

 การทำเลสิคทุกประเภทอย่าง การทำเลสิคไร้ใบมีด (Femto LASIK) มีผลข้างเคียงจากการใช้เลเซอร์เช่นกัน ผู้ป่วยอาจได้รับผลกระทบการมองเห็นเป็นภาพเบลอ ตามัว หรือมีอาการเจ็บปวดในบริเวณที่ผ่าตัด

การสวมใส่คอนเทคเลนส์ 

     การสวมใส่คอนเทคเลนส์ในระยะเวลานาน ทำให้โปรตีนในดวงตาเกิดการสะสมของตัวคอนเทคเลนส์มากขึ้น การไหลเวียนของน้ำตาที่หล่อเลี้ยงกระจกตานั้นน้อยลง เกิดอาการระคายเคือง ตามัว ตาแดง และอาจเกิดการติดเชื้อเข้าผ่านการเข้าดวงตาโดยตรง

อาการตามัวที่ควรพบแพทย์

         อาการตามัวที่สามารถสังเกตได้ชัดคือ ปวดศีรษะขณะใช้สายตาในการโฟกัสจุด ๆ หนึ่งเป็นเวลานาน ทำให้ภาวะเลนส์ตาของผู้ป่วยเกิดภาวะตามัวเหมือนมีหมอกขาวชั้นบางขุ่นบดบัง ส่งผลกระทบการทำงานของดวงตาไม่สามารถโฟกัสกับภาพที่มองเห็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือบริเวณนัยน์ตาขาวเริ่มเป็นสีแดงก่ำและผู้ป่วยใช้ดวงตาในการจดจ้องในช่วงที่มีอาการตามัวอยู่นั้น อาจส่งผลเส้นประสาทลามไปถึงส่วนการทำงานภายศีรษะได้  

        หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรงที่เข้าเขตอาการตามัวขั้นต้นที่กล่าวมานั้น ควรทำการนัดพบแพทย์โดยเร็วที่สุด หากปล่อยอาการตามัวไว้นั้น อาจส่งผลทำให้อาการพร่ามัวสะสม นำไปสู่โรคร้ายแรงอย่าง โรคต้อกระจกได้